ผลการแข่งขันนัดล่าสุด| Liverpool 0 - 2 Arsenal

Match Highlights

31′ [0 - 1] L. Podolski

68′ [0 - 2] S. Cazorla





Youtube.com

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

แฌร์วินโย ( Gervais Yao Kouassi )



ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม  แฌร์แว ยาออ กูอาซี
 
วันเกิด  27 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 (24 ปี)

สถานที่เกิด Anyama โกตดิวัว

ส่วนสูง 1.79 ม. (5 ฟุต 10 นิ้ว)

ตำแหน่ง Winger, Forward

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล

หมายเลข 27

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2005–2007 Beveren 61 (14) 2007–2009 Le Mans 59 (9) 2009–2011 Lille 67 (28) 2011– Arsenal 22 (8)

ประวัติ แฌร์แว ยาออ กูอาซี (ฝรั่งเศส: Gervais Yao Kouassi) หรือรู้จักในชื่อ แฌร์วินโย (ฝรั่งเศส: Gervinho) เกิดวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 เป็นนักฟุตบอลชาวไอวอรีโคสต์ เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวรุกให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในพรีเมียร์ลีก Gervinho - Arsenal 2011/2012 - HD Gervinho 2011 - Cant Be Touched

นิคลาส เบนท์เนอร์ (nicklas bendtner)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม นิคลาส เบนท์เนอร์

วันเกิด 16 มกราคม ค.ศ. 1988 (อายุ 24 ปี)

สถานที่เกิด โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก

ส่วนสูง 1.94 ม. (6 ฟุต 4 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองหน้า

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 26 (อดีต)
             52 (ปัจจุบัน)

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2005- อาร์เซนอล          87 (21)

2006-2007 เบอร์มิงแฮมซิตี (ยืมตัว) 42 (11)


ประวัติ

นิคลาส เบนท์เนอร์ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเดนมาร์ก เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1988 ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เบนท์เนอร์ลงเล่นทีมชาติไปแล้ว 15 นัดและยิงไปแล้ว 6 ประตู


Nicklas Bendtner Farewell Nicklas Bendtner: Top 10 goals

อังเดร เซอร์เกเยวิช อาร์ชาวิน ( Andrei Sergeyevich Arshavin)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม อังเดร เซอร์เกเยวิช อาร์ชาวิน

วันเกิด 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1981  (อายุ 31 ปี)

สถานที่เกิด เลนินกราด สหภาพโซเวียต

(ปัจจุบันคือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย)

ส่วนสูง 1.72 ม. (5 ฟุต 8 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองกลางเชิงรุก กองหน้าเชิงรับ

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 23

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2000-2009 เซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 238 (51)

2009-ปัจจุบัน อาร์เซนอล     63 (20)

2012-ปัจจุบัน  เซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (ยืมตัว)


ประวัติ

อังเดร อาร์ชาวิน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 (อายุ 28 ปี) ที่เมืองเลนินกราด สหภาพโซเวียต (ปัจจุบันคือ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย)

ฟุตบอลสโมสร

อาร์ชาวินเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอล โดยเข้าศึกษาที่โรงเรียนสอนฟุตบอล Smena ในปี พ.ศ. 2542 จากนั้น สโมสรฟุตบอลเซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้เรียกตัวเข้าสู่ สโมสรฟุตบอลเซนิตฟาร์ม ซึ่งเป็นทีมชุดสำรองของเซนิต เมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 โดยลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นนัดแรก ในการแข่งขันฟุตบอลอินเตอร์โตโต้คัพ ประจำฤดูกาลเดียวกันนั้น ที่ไปเยือนแบรดฟอร์ด ซึ่งเซนิตชนะ 3-0 โดยเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลด้วย

จากนั้น อาร์ชาวินเป็นแชมป์ร่วมกับเซนิต ในรายการต่างๆ ดังนี้ รัสเซียพรีเมียร์ลีกคัพ ประจำฤดูกาล พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003), พรีเมียร์ลีกรัสเซีย ประจำฤดูกาล พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) และได้แชมป์ถึง 2 รายการ คือ ยูฟ่าคัพ และรัสเซียซูเปอร์คัพ ในฤดูกาล พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) ทั้งนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลรัสเซียพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล พ.ศ. 2550 ที่เซนิตคว้าแชมป์ อาร์ชาวินลงสนามเป็นผู้เล่น 11 คนแรก ทั้ง 30 นัด ทำได้ 10 ประตู และเป็นผู้ส่งบอลในการทำประตู (Assist) 11 ครั้ง

ต่อมา ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ดิก อัตโวคาท ผู้จัดการทีมเซนิต ประกาศว่า อาร์ชาวินต้องการย้ายสโมสร จากนั้นก็มีข่าวตามมาว่า สโมสรฟุตบอลหลายแห่ง คือ บาร์เซโลนา, นิวคาสเซิลยูไนเต็ด, เชลซี, แมนเชสเตอร์ซิตี, อินเตอร์มิลาน, อาร์เซนอล และเอฟเวอร์ตัน สนใจดึงตัวอาร์ชาวินมาร่วมทีม แต่สื่อมวลชนก็คาดหมายว่า บาร์ซาเป็นทีมที่ได้เปรียบมากที่สุด จากการที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า ตนชื่นชอบทีมนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2550 เขาจะยังให้ความสนใจข้อเสนอจากนิวคาสเซิล[8]ก็ตาม

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 อาร์ชาวินตกลงเงื่อนไขกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลได้สำเร็จ ได้รับหมายเลข 23 บนเสื้อ โดยมีค่าตัว 16.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 825 ล้านบาท


ฟุตบอลทีมชาติ

อาร์ชาวินติดทีมชาติครั้งแรก ในนัดที่ทีมชาติรัสเซียพบกับเบลารุส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) และทำประตูแรกได้ ในนัดกระชับมิตรกับโรมาเนีย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ทั้งนี้ อาร์ชาวินได้รับตำแหน่งกัปตันทีมครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 (ยูโร 2008) รอบคัดเลือก กับเอสโตเนีย

กุส ฮิดดิงก์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติรัสเซีย ประกาศชื่ออาร์ชาวินให้เข้าร่วมฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้จะติดโทษห้ามแข่งขัน 2 นัด แต่เมื่อได้ลงสนามเป็นนัดแรก ในนัดสุดท้ายของรอบ 16 ทีม ที่รัสเซียพบกับสวีเดน ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทีมให้เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งรัสเซียสามารถชนะฮอลแลนด์ได้ 3-1 โดยอาร์ชาวินทำได้ 1 ประตู และส่งบอลให้ ดิมิทรี ทอร์บินสกี ยิงได้อีก 1 ประตู

ทั้งนี้ อาร์ชาวินยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำนัดแข่งขัน (แมนออฟเดอะแมตช์) ทั้งสองนัดด้วย แต่รัสเซียก็พ่ายให้กับสเปนในรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ก่อนที่สเปนจะขึ้นเป็นแชมป์ของทัวร์นาเมนต์นี้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม อาร์ชาวินยังได้รับตำแหน่งกองหน้า ในทีมยอดเยี่ยมของยูโร 2008 ที่ยูฟ่าประกาศหลังจากจบการแข่งขันด้วย

ในระหว่างการแข่งขันยูโร 2008 อาร์ชาวินได้รับคำชื่นชมถึงฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม จากบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลยุโรปหลายคน เช่น ฮิดดิงก์, อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล, ซีเนอดีน ซีดาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส, เซร์คีโอ ราโมส กองหลังทีมชาติสเปนของเรอัลมาดริด, แอนดี ร็อกซ์เบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของยูฟ่า เป็นต้น


Andrey Arshavin - Top 20 Goals Andrey Arshavin - Moment of Change

กาเอล กลิชี (gael clichy)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม กาเอล กลิชี

วันเกิด 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 (อายุ 24 ปี)

สถานที่เกิด ตูลูส ฝรั่งเศส

ส่วนสูง 1.81 ม. (5 ฟุต 11 นิ้ว)

ตำแหน่ง แบ็คซ้าย


ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 22

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2001–03 ก็องส์ 15 (0)

2003– อาร์เซนอล 119(1)


ประวัติ

กาเอล กลิชี เป็นนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลิชีเป็นแบ็คซ้ายอันดับหนึ่งของอาร์เซนอลและสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางริมเส้นด้านซ้ายได้อีกด้วย




ลูคัส ฟาเบียนสกี (Łukasz Fabiański)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม Łukasz Fabiański

วันเกิด 18 เมษายน ค.ศ. 1985 (อายุ 26 ปี)

สถานที่เกิด Kostrzyn nad Odrą โปแลนด์

ส่วนสูง 1.90 ม. (6 ฟุต 3 นิ้ว)

ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 21

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2004-2005 Lech Poznań 0 (0)

2005-2007 สโมสรฟุตบอลเลเกีย วอร์ซอร์ 53 (0)

2007- อาร์เซนอล 0 (0)


ประวัติ

ลูคัส ฟาเบียงสกี เป็นนักฟุตบอลชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1985 ในประเทศโปแลนด์ ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษและทีมชาติโปแลนด์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู


Łukasz Fabiański Lukasz Fabianski (ARSENAL FC)

โยฮัน ชูรู (Johan Djourou)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม โยอัน อักวาวานเดอร์ ชูรู

วันเกิด 18 มกราคม ค.ศ. 1987 (อายุ 25 ปี)

สถานที่เกิด อาบิดจาน ไอวอรี่โคสต์

ส่วนสูง 1.93 ม. (6 ฟุต 4 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองหลัง

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 20

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2004- อาร์เซนอล     101 (0)

2007-2008 เบอร์มิงแฮมซิตี (ยืมตัว) 13 (0)


ประวัติ

โยฮัน ชูรู (Johan Djourou) เป็นนักฟุตบอลชาวสวิตเซอร์แลนด์เชื้อสายไอวอรี่โคสต์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1987 ในเมืองอาบิดจาน ประเทศไอวอรี่โคสต์ ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เคยเล่นเป็นกองกลางตัวรับที่สโมสร Etoile Carouge สโมสรเก่าก่อนที่จะมาเล่นในตำแหน่งกองหลังตรงกลางเมื่อย้ายมายังอาร์เซนอล บางครั้งมักจะได้ลงเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คอยู่บ่อยๆ และเคยไปเล่นให้กับเบอร์มิงแฮมซิตี้ด้วยสัญญายืมตัวโดยเล่นในตำแหน่งกองหลังตรงกลาง< Johan Djourou In Action 2010/11 Johan Djourou interviewing Thierry Henry alongside Robert Pires

อเล็กซานเดอร์ ซง บิลลง (alexandre song belong)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม อเล็กซานเดอร์ ซง บิลลง

วันเกิด 9 กันยายน ค.ศ. 1987 (อายุ 24 ปี)

สถานที่เกิด Douala แคเมอรูน

ส่วนสูง 1.85 ม. (6 ฟุต 1 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองกลาง, กองหลัง

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 17

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2003-2004 บาสเตีย B 24 (0)

2004-2006 บาสเตีย 32 (0)

2005-2006 อาร์เซนอล(ยืมตัว) 05 (0)

2006- อาร์เซนอล   86 (6)


ประวัติ

อเล็กซานเดอร์ ซง บิลลง เป็นนักฟุตบอลชาวแคเมอรูน เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1987 ที่เมืองโดอัวลา ประเทศแคเมอรูน ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อเล็กซ์เป็นหลานของริโกแบร์ ซง นักเตะของกาลาตาซาราย ปกติแล้วจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตรงกลาง แต่ตอนนี้ยืดตำแหน่งกองหลังตรงกลางไปแล้ว ในฤดูกาล 2007-08


Alex Song - Top talent Alex Song - Top 15 Assists HD

เดนิลสัน เปอไรรา เนเวส (denilson perira neves)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม เดนิลสัน เปอไรรา เนเวส

วันเกิด 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1988 (อายุ 21 ปี)

สถานที่เกิด เซาเปาลู Brazil

ส่วนสูง 1.80 ม. (5 ฟุต 11 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองกลาง

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 15

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2005-2006 เซาเปาลู 12 (0)
2006- อาร์เซนอล 19 (0)


ประวัติ

เดนิลสัน เปอไรรา เนเวส หรือที่รู้จักกันในชื่อ เดนิลสัน เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1988 ที่เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล เล่นในตำแหน่งกองกลาง ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในอังกฤษและยังเป็นกัปตันทีมชาติบราซิลชุดอายุไม่เกิน 20 ปีชุดปัจจุบันอีกด้วย


Denilson Skills & Goals 2009-2010 HD

ธีโอ เจมส์ วัลคอตต์ (theo jame walcott)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม ธีโอ เจมส์ วัลคอตต์

วันเกิด 16 มีนาคม ค.ศ. 1989 (อายุ 23 ปี)

สถานที่เกิด ลอนดอน อังกฤษ

ส่วนสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (1.75 ม.)

ตำแหน่ง ปีก, ศูนย์หน้า


ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 14

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2004-2006 เซาท์แทมป์ตัน 21 (4)
2006- อาร์เซนอล       145 (40)


ประวัติ

ธีโอ เจมส์ วัลคอตต์ เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษลูกครึ่งจาเมกา เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1989ที่สแตนมอร์ มหานครลอนดอน ขึ้นชื่อในเรื่องของความเร็วที่จัดจ้าน ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล โดยย้ายมาจากเซาท์แทมป์ตันเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2006


เซาท์แทมป์ตัน

ธีโอ วัลคอตต์เริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของเซาท์แทมป์ตันเมื่อฤดูกาล 2004-05 ที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเยาวชนเอฟเอคัพไปเจอกับอิปสวิชทาว์นได้ นอกจากนั้น เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเซาท์แทมป์ตันทีมสำรอง เมื่ออายุเพียง 15 ปีกับอีก 175 วันเท่านั้น โดยถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในการเจอกับวัตฟอร์ตเมื่อเดือนกันยายน ปี 2004 อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกกับเซาท์แทมป์ตันเลย เนื่องจากเซาท์แทมป์ตันตกชั้นมาเล่นในลีกแชมเปียนชิพเมื่อสิ้นฤดูกาล 2004-05

ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2005-06 นั้น วัลคอตต์ตกเป็นข่าวว่าจะได้ไปเล่นในทีมชุดใหญ่ทั่วสก็อตแลนด์หลังจากออกจากโรงเรียนได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ศูนย์หน้ารายนี้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมีมาที่ได้เล่นฟุตบอลให้กับทีมชุดใหญ่ของเซาท์แทมป์ตันด้วยอายุเพียง 16 ปีกับ 143 วัน โดยถูกส่งลงสนามจากม้านั่งสำรองในเกมที่เซาท์แทมป์ตันเสมอกับวูล์ฟแฮมตันวันเดอเรอร์สในบ้าน ในศึกแชมเปียนชิพอังกฤษ

วัลคอตต์ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในฐานะตัวจริงครั้งแรกในนัดที่ไปเยือนลีดส์ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 2005 และสามาระยิงประตูในทีมชุดใหญ่ได้เป็นประตูแรกในเกมเดียวกันนี้เอง เขายิงประตูได้อีกครั้งในเกมกับมิลล์วอลล์ในอีก 4 วันถัดมา และอีกลูกหนึ่งในเกมที่ได้เล่นเต็มเกมที่เจอกับสโตคซิตีในบ้านในวันเสาร์ถัดมา จากนั้นเขาก็มีชื่อเสียงขึ้นมาทันทีทันใด และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสำนักข่าวบีบีซีจนถึงรอบ 3 คนสุดท้ายอีกด้วย โดยรางวัลนี้มีการมอบขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 2005

ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของเซาท์แทมป์ตันนั้น วัลคอตต์ยังเคยโชว์ฝีเท้ามาในแมตช์ประจำปี 2005 อีกด้วย ฟอร์มการเล่นของเขานั้นสร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษมาก ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเขาคือนักเตะที่น่าจะรุ่งที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักเตะเยาวชนที่มีพรสวรรค์ของอังกฤษในตอนนั้ จากนั้นก็มีข่าวลืออกมาว่าวัลคอตต์อาจจะย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ชิพและสื่อก็รายงานว่าเขาตกเป็นข่าวกับทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซนอล, เชลซี, ยูไนเต็ด และทอตแนมฮ็อตสเปอร์ นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็นเรอัลมาดริด, ยูเวนตุส, เอซีมิลาน และบาร์เซโลนาอีกด้วย


อาร์เซนอล

ในที่สุด วัลคอตต์ก็ตกลงเซ็นสัญญากับอาร์เซนอล เมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 2005 ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 5 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านปอนด์[5]ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงเล่นให้กับสโมสรและทีมชาติ ทำให้วัลคอตต์กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราชอาณาจักรเมื่อเทียบกับบรรดานักเตะวัย 16 ปีด้วยกัน แต่ต่อมา ในเดือนเมษายน 2008 สโมสรเซาท์แทมป์ตันที่โดนแรงกดดันจากปัญหาด้านการเงินมานานก็ตัดสินใจยอมลดค่าตัวของวัลคอตต์ให้เหลือเพียง 9.1 ล้านปอนด์เท่านั้น ข้อเสนอใหม่นี้หมายความว่าอาร์เซนอลต้องจ่ายเงินให้กับเซาท์แทมป์ตันทันที 1.6 ล้านปอนด์ และอีก 500,000 ปอนด์ในปีต่อมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็จะนำไปรวมกับเงิน 7 ล้านปอนด์ที่อาร์เซนอลจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะรวมเป็น 9.1 ล้านปอนด์พอดี

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2006 วัลคอตต์ได้ลงเล่นให้กับทีมสำรองของอาร์เซนอลในนัดที่เจอกับทีมสำรองของพอร์ทสมัธที่ฮาวาน เขาทำประตูได้ในนัดนี้แต่อาร์เซนอลก็แพ้ไป 3-2 นอกจากนั้น วัลคอตต์ยังมีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรองในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบสองนัดแรกที่เจอกับเรอัลมาดริดที่สนามซานเตียโก เบร์นาเบวเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2006

วันที่ 19 สิงหาคม 2006 วัลคอตต์ได้ลงเล่นในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในสีเสื้อของอาร์เซนอล เขาถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในนาทีที่ 73 ในเกมกับแอสตันวิลลาซึ่งเป็นนัดเปิดสนามฤดูกาล 2006-07 และเป็นนัดแรกของสนามเอมิเรตส์สเตเดียมที่ได้ใช้ในการทำศึกพรีเมียร์ลีกอีกด้วย นอกจากนั้น วัลคอตต์ยังเปิดบอลให้กับกิลแบร์โต ซิลวาวอลเล่ย์ตีเสมอได้สำเร็จอีกด้วย

และวัลคอตต์ก็ได้ลงเล่นในศึกแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในเกมที่อาร์เซนอลแข่งขันรอบคัดเลือกรอบที่ 3 กับดินาโม ซาเกร็บนัดที่ 2 ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นในรายการยุโรป ซึ่งเจ้าของสถิติเก่าคือเชสก์ ฟาเบรกัสนั่นเอง และวัลคอตต์ก็ได้ลงเป็นตัวจริงให้กับอาร์เซนอลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2006 ในเกมที่พบกับวัตฟอร์ตในบ้าน

ผลงานของวัลคอตต์กับอาร์เซนอลและกับทีมชาติอังกฤษนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสำนักข่าวบีบีซี ในปี 2006 อีกด้วย

วัลคอตต์ทำประตูแรกให้กับอาร์เซนอลได้ในเกมคาร์ลิงคัพรอบชิงชนะเลิศที่พบกับเชลซีที่สนามมิลเลนเนียมสเตเดียม คาร์ดิฟฟ์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2007 และได้เป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่สามารถทำประตูได้ในฟุตบอลลีกคัพรอบชิงชนะเลิศ

วันที่ 23 ตุลาคม 2007 วัลคอตต์ก็ทำประตูแรกที่เอมิเรตส์สเตเดียมได้ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในเกมที่พบกับสลาเวีย ปราก โดยในนัดนั้นอาร์เซนอลถล่มคู่แข่งไปถึง 7-0 และวัลคอตต์ก็ทำได้ 2 ประตู โดยลูกยิงลูกที่สองของเขานั้นมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบลูกยิงที่เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงตำนานของทีมยิงให้กับอาร์เซนอลได้บ่อยๆ[9] วัลคอตต์ได้ขอยกประตูนี้ให้กับ ลัค พี่เขยของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว

วันที่ 9 มกราคม 2008 วัลคอตต์ก็สามารถทำประตูในรายการคาร์ลิงคัพในนัดที่พบกับทอตแนมฮ็อตสเปอร์ โดยเป็นการยิงตีเสมอในนาทีที่ 79 (แต่สุดท้าย ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ก็ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวมทั้งสองนัด 6-2) วัลคอตต์ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในนักที่พบกับเบอร์มิงแฮมซิตีที่เซนต์แอนดรูว์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2008 โดยยิงได้ 2 ประตูในเกมที่อาร์เซนอลเสมอกันไป 2-2

Theo Walcott 2012/2011 - Speed , Run and Goals Theo Walcott | Still Speedin | 2011/2012 [HD]

คาร์ลอส อัลแบร์โต เบลา การ์ริโด (carlos alberto vela garido)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม คาร์ลอส อัลแบร์โต เบลา การ์ริโด

วันเกิด 1 มีนาคม ค.ศ. 1989 (อายุ 20 ปี)

สถานที่เกิด Cancún, Quintana Roo เม็กซิโก

ส่วนสูง 1.77 ม. (5 ฟุต 10 นิ้ว)

ตำแหน่ง ศูนย์หน้า, ปีก

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 12

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2005– อาร์เซนอล 3(0)

2006- เซลตาบีโก(ยืมตัว) 0(0)

2006–2007 ซาลามังกา(ยืมตัว) 31(8)

2007–2008 โอซาซูนา(ยืมตัว) 33(3)

ประวัติ

คาร์ลอส อัลแบร์โต เบลา การ์ริโด เป็นนักฟุตบอลชาวเม็กซิกัน เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1989 เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ


CARLOS VELA " ARSENAL GUNNER "

โรบิน ฟาน เพอร์ซี (robin van persie)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม โรบิน ฟาน เพอร์ซี

วันเกิด 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983 (อายุ 28 ปี)

สถานที่เกิด ร็อตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์

ส่วนสูง 1.88 ม. (6 ฟุต 2 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองหน้า,ปีกซ้าย


ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 10


สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2001-2004 เฟเยนูร์ด 59 (15)
2004- อาร์เซนอล 275 (130)

ประวัติ

โรบิน ฟาน เพอร์ซี (เกิดวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ ตำแหน่งศูนย์หน้าของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นอกจากนั้นยังเล่นเป็นปีกซ้ายได้อีกด้วย

ชีวิตวัยเด็ก

โรบิน ฟาน เพอร์ซี เติบโตในย่านคราลิงเจนแห่งร็อตเตอร์ดัมตะวันออก มารดาคือ โจเซ่ ราส เป็นจิตรกร ส่วนบิดาคือ บ๊อบ เป็นประติมากร เพอร์ซียังมีน้องสาวอีก 2 คนคือ ลิลลี่ และกิกี้ บิดาและมารดาสนับสนุนให้เพอร์ซีเป็นศิลปินเช่นเดียวกับพวกเขา แต่สุดท้ายเพอร์ซีกลับเลือกที่จะเล่นฟุตบอลแทน

เฟเยนูร์ด

ฟาน เพอร์ซี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ SBV Excelsior เมื่อปี 2001 แต่ก็ต้องย้ายออกไปเนื่องจากมีเรื่องไม่ลงรอยกันกับสตาฟฟ์โค้ช จนได้มาเซ็นสัญญากับเฟเยนูร์ด และสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้เนื่องจากนักเตะรุ่นพี่ในทีมหลายคนได้รับบาดเจ็บ และได้ลงประเดิมสนามให้กับสโมสรด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี และในฤดูกาลแรกนี้ เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงถึง 15 ครั้ง จนได้รับรางวัลนักฟุตบอลดัตช์ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2001-02 หลังจากจบฤดูกาลอีกด้วย

จากนั้น เพอร์ซีก็เซ็นสัญญาอาชีพกับเฟเยนูร์ดเป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่งตั้งแต่ต้นฤดูกาลใหม่ และยังเป็นผู้ยิงได้ 5 ประตูในเกมที่เอาชนะ AGOVV มา 6-1 ในอัมสเทลคัพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 แต่เนื่องจากความบาดหมางกับ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ ผู้จัดการทีมทำให้เพอร์ซีต้องหล่นไปเล่นในทีมสำรองแทน จนฟาน มาร์ไวค์ได้บอกกับสื่อว่า "พฤติกรรมของเขานี้ทำให้เขาคงจะอยู่กับทีมไม่ได้อีกแล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องเล่นในทีมสำรองไปตลอด"และในเกมที่เฟเยนูร์ดทีมสำรองพบกับไอแอกซ์ทีมสำรองนั้น เขาเป็นหนึ่งในนักเตะเฟเยนูร์ดหลายคนที่โดนแฟนบอลอันธพาลวิ่งเข้าสู่สนามเพื่อลงมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย.

ความบาดหมางของฟาน เพอร์ซีกับฟาน มาร์ไวค์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจากมาร์ไวค์สั่งเขากลับบ้านในวันก่อนเกมที่จะพบกับเรอัลมาดริดในยูฟ่าซุปเปอร์คัพเมื่อปี 2003 โดยมีรายงานว่าโค้ชคนนี้ไม่พอใจกิริยาของฟาน เพอร์ซีที่มีต่อเขาเมื่อได้รับคำสั่งให้วอร์มอัพเพื่อเตรียมลงแข่งเกมลีกเมื่อไม่นานมานี้. จากนั้น ฟาน เพอร์ซีก็สามารถแทรกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ได้เป็นครั้งแรก ลงสนามไปทั้งหมด 28 ครั้ง ยิงได้ 8 ประตู และยังพาทีมได้รองแชมป์บอลถ้วยของเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

หลังจากจบฤดูกาลนั้น เฟเยนูร์ดก็ไม่สามารถต่อสัญญากับฟาน เพอร์ซีได้ในช่วงปิดฤดูกาล จนกระทั่งความเป็นอริต่อกันของฟาน มาร์ไวค์กับฟาน เพอร์ซีทำให้เขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2003-04 นี้ ได้ลงเล่นเพียงแค่ 28 เกม แต่ก็ยังยิงได้น้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว 2 ประตู เมื่อจบฤดูกาล เฟเยนูร์ดจึงประกาศขายนักเตะคนนี้ออกไปทันทีเนื่องจากทนไม่ไหวกับระเบียบวินัยอันย่ำแย่ของนักเตะคนนี้แล้ว และก็กลายเป็นอาร์เซนอลที่เริ่มเปิดเจรจาซื้อตัวนักเตะรายนี้ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเปิดทำการ โดยในช่วงนั้นอาร์เซนอลกำลังมองหาตัวแทนของเดนนิส เบิร์กแคมป์อยู่พอดีด้วย แต่ทั้งสองฝ่ายกลับไม่สามารถเจรจากันได้อย่างราบลื่นจนไม่ได้ข้อสรุปในที่สุด อย่างไรก็ตาม 5 เดือนต่อมาการซื้อขายนักเตะรายนี้ก็ประสบผลสำเร็จ โดยอาร์เซนอลคว้าตัวดาวยิงรายนี้ไปด้วยราคา 2.75 ล้านปอนด์ ซึ่งน้อยกว่าที่เฟเยนูร์ดตั้งไว้คือ 5 ล้านปอนด์ถึงเกือบครึ่ง

อาร์เซนอล

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ฟาน เพอร์ซีได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับอาร์เซนอล มีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมตั้งใจว่าจะโยกฟาน เพอร์ซีจากตำแหน่งปีกซ้ายมาเล่นศูนย์หน้า ซึ่งฟาน เพอร์ซีก็ทำหน้าที่นี้เคียงข้างเธียร์รี อองรีได้เป็นอย่างดี เวนเกอร์อธิบายการตัดสินใจครั้งนี้ว่า"เขาสามารถเล่นเป็นปีกซ้ายได้ และยังเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวหลังหรือกองหน้าตัวเป้าได้เนื่องจากเป็นนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง" อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เขาจะได้เล่นศูนย์หน้าก็ถูกจำกัดลงเนื่องจากอาร์เซนอลได้เซ็นสัญญษกับโฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส กองหน้าทีมชาติสเปนมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเขาต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงกับเรเยสตลอดเวลา ฟาน เพอร์ซีได้ประเดิมสนามครั้งแรกด้วยการถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในเกมคอมมิวนิตีชิลด์ที่ชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 และคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2004

Robin Van Persie - The Centurion (All 100 goals) Robin Van Persie- All 35 goals in Premier League 2011 (HD)

เอดูอาร์โด ดา ซิลวา (eduardo da silva )



ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม เอดูอาร์โด อัลเวส ดา ซิลวา

วันเกิด 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 (อายุ 26 ปี)

สถานที่เกิด รีโอเดจาเนโร บราซิล

ส่วนสูง 1.77 ม. (5 ฟุต 10 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองหน้า

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 9

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

2001–2007 ดินาโม ซาเกร็บ 106 (73)

2002–2003 NK Inter Zaprešić (ยืมตัว)15 (10)

2007– อาร์เซนอล 17 (4)

ประวัติ

เอดูอาร์โด อัลเวส ดา ซิลวา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เอดูอาร์โด ดา ซิลา เรียกง่ายๆว่า เอดูอาร์โด เป็นนักฟุตบอลชาวโครเอเชียที่เกิดในประเทศบราซิล เกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกทีมหนึ่งคือ สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล และเป็นนักฟุตบอลระดับทีมชาติโครเอเชีย ปัจจุบันไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากประสบกับอาการบาดเจ็บคือขาซ้ายหักและข้อเท้าเคลื่อนในเกมที่อาร์เซนอลพบกับเบอร์มิงแฮมซิตี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008

ซาเมียร์ นาสรี (samir nasri )




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม ซาเมียร์ นาสรี

วันเกิด 26 มิถุนายน ค.ศ. 1987 (อายุ 22 ปี)

สถานที่เกิด มาร์กเซย์ ฝรั่งเศส

ส่วนสูง 1.80 ม. (5 ฟุต 11 นิ้ว)

ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก / ปีก

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 8

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู

2004-2008 มาร์กเซย์ 121 (11)
2008- อาร์เซนอล 2 (1)

ประวัติ

ซาเมียร์ นาสรี เกิดเมื่อวันที่ มิถุนายน ค.ศ. 1987 ในเมืองมาร์กเซย์ เป็นนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสเชื้อชาติอัลจีเรีย ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในประเทศอังกฤษ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของเขายกย่องวาเขามีลักษณะคล้ายกับโรแบร์ ปิแรส นักเตะในตำนานของอาร์เซนอลเพราะมีความเร็ว มีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม มีสายตาอันยอดเยี่ยม และเป็นห้องเครื่องที่ดีอีกด้วย


Best of Samir Nasri 2009 2010 Arsenal [HD]



Samir Nasri 09-10 French Hitman

โทมาช โรซิตซ์กี (Tomáš Rosický)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม Tomáš Rosický

วันเกิด 4 ตุลาคม ค.ศ. 1980

สถานที่เกิด ปราก สาธารณรัฐเช็ก

ส่วนสูง 179 ซ.ม. (5 ฟุต 10.5 นิ้ว)

ชื่อเล่น/ฉายา Rosa, Little Mozart, Schnitzel, Dumpling

ตำแหน่ง มิดฟิลด์


ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 7

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)

1998-2001 Sparta Praha 41 (8)

2001-2006 โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ 149 (19)

2006- อาร์เซนอล 156 (19)


ประวัติ

โทมาช โรซิตซ์กี (Tomáš Rosický) (เกิด (4 ตุลาคม พ.ศ. 2523 ที่ ปราก) เป็นนักฟุตบอลชาวเช็ก ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เล่นในตำแหน่งกองกลาง โรซิตซ์กีลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติเช็กตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543 โดยเล่นทั้งหมด 57 นัด และทำประตูได้ 17 ประตู

Tomas Rosicky - Savin' me Tomas Rosicky - 'Mozart Reborn 2011/12'

เพอร์ เมอร์เตซักเกอร์ (Per Mertesacker)

ข้อมูลส่วนตัว ชื่อเต็ม Per Mertesacker วันเกิด 29 กันยายน 1984 (อายุ 28 ปี) สถานที่เกิด ฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี ส่วนสูง 1.96 ตำแหน่ง กองหลังตรงกลาง ข้อมูลสโมสร สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล หมายเลข 4 สโมสรอาชีพ ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู ) 2003–2004 Hannover 96 II 16 (1) 2003–2006 Hannover 96 74 (7) 2006–2011 Werder Bremen 147 (12) 2011– FC Arsenal 21 (0) เกียรติประวัติ Third place FIFA World Cup 2006 Third place Confederations Cup 2005 Mertesacker and Vermaelen

บาการี ซาญญา (Bacary Sagna)



ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม บาการี ซาญญา

วันเกิด 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 (อายุ 26 ปี)

สถานที่เกิด Sens ฝรั่งเศส

ส่วนสูง 5 ฟุต 10 นิ้ว (1.78 ม.)

ตำแหน่ง แบ็คขวา

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 3

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู

2002–2004 โอแซร์ เบ 34 (1)
2004–2007 โอแซร์ 87 (0)
2007– อาร์เซนอล 24 (0)

ประวัติ

บาการี ซาญญา (Bacary Sagna) เป็นกองหลังทีมชาติฝรั่งเศส บิดามารดาเป็นชาวเซเนกัลโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 ที่เมือง Sens ปัจจุบันเล่นให้กับอาร์เซนอล โดยย้ายมาจากโอแซร์เมื่อปี 2007
Bacary Sagna - Tireless youtube.com

วาสซิริกี้ อาบู ดิยาบี้ (Vassiriki Abou Diaby)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม วาสซิริกี้ อาบู ดิยาบี้

วันเกิด 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (อายุ 23 ปี)

สถานที่เกิด ปารีส ฝรั่งเศส

ส่วนสูง 1.91 ม. (6 ฟุต 3 นิ้ว)

ตำแหน่ง มิดฟิลด์ (ซ้าย/ขวา/กลาง


ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 2

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)
2003–2004 โอแซร์ เบ 6 (1)

2004–2006 โอแซร์ 10 (1)

2006– อาร์เซนอล 36 (3)


ประวัติ

วาสซิริกี้ อาบู ดิยาบี้ (Vassiriki Abou Diaby)เป็นนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศสเชื้อสายไอวอรี่โคสต์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 ที่กรุงปารีส ปัจจุบันเล่นให้กับอาร์เซนอล ปกติแล้วจะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางแต่ในระยะหลังๆมักจะโดนจับไปเล่นเป็นปีกให้ของอาร์เซนอล ดิยาบี้มักจะเป็นรู้จักกันในชื่อ อาบู ซึ่งเป็นชื่อกลางของเขา


เริ่มต้นค้าแข้ง

ดิยาบี้ เกิดที่ ปารีส และได้เข้าร่วมสโมสรในบ้านเกิดอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตั้งแต่อายุ 13 ปี ทั้งที่เป็นแฟนตัวยงของ โอลิมปิก มาร์กเซย ก่อนจะออกจากสโมสรในอีก 2 ปี ถัดมา. เขาเป็นสมาชิกของ โอแซร์ ที่เป็นแชมป์ U-16 ในปี 2003 คริสเตียน เอนนา ซึ่งเป็นโค้ชของทีมในขณะนั้นกล่าวไว้ว่า ดิยาบี้เป็นผู้เล่นที่ฉลาดและมีเทคนิคเป็นเลิศ. ดิยาบี้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ โอแซร์ และได้ลงเล่น 5 แม็ทช์ ในฤดูกาล 2004-05 และอีก 5 แม็ทช์ ในฤดูกาล 2005-06 โดยที่การลงเล่นครั้งแรกในทีมชุดใหญ่ เป็นการลงสนามในฐานะตัวสำรอง ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีสุดท้ายในแม็ทช์ที่พบกับ แรนส์ ในวันที่ 14 สิงหาคม 2004


อาร์เซนอล

ดิยาบี้ เซ็นสัญญากับ อาร์เซนอล ในวันที่ 12 มกราคม 2006 โดยเชื่อว่ามีค่าตัวประมาณ 2ล้านปอนด์ ซึ่งก่อนหน้านั่นมีข่าวว่าเขาจะเซ็นสัญญากับสโมสร เชลซี คู่ปรับร่วมเมืองของอาร์เซนอล. เขาเลือกสวมเสื้อเบอร์ 2 ที่ว่างเว้นมาจากการแขวนรองเท้าของ ลี ดิ๊กซั่น ดิยาบี้ถูกดึงตัวมาอยู่กับอาร์เซนอลในฐานะตัวตายตัวแทนของ ปาทริก วิเอร่า เนื่องจากการเป็นผู้เล่นมิดฟิลด์ผู้มีพละกำลัง และลีลาการเล่นที่ถอดกันมา เขาสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแผงมิดฟิลด์ จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นดิยาบี้เล่นเป็นกองกลางตัวรุกหรือกระทั่งตัวโฮลดิ้งในบางเกม

แมทช์แรกของเขาที่ได้ลงเล่นกับอาร์เซนอลอย่างเป็นทางการ คือแมทช์ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ในวันที่ 21 มกราคม 2006 ซึ่งเขาลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ประตูแรกของดิยาบี้กับทีมใหม่ต้องรอถึงวันที่ 1 เมษายน เกิดขึ้นในเกมที่เปิดบ้านถล่ม แอสตัน วิลล่า 5-0 โดยในเกมนั่นนักเตะใหม่อย่าง เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ก็ทำประตูได้เช่นกัน ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่หนึ่งเดือนถัดมา เขาได้รับบาดเจ็บ จากการสไลด์ขาคู่อย่างรุนแรงจาก แดน สมิธ ผู้เล่นของ 'แมวดำ' ซันเดอร์แลนด์ ส่งผลให้เขาต้องพักยาวถึงแปดเดือน ดิยาบี้กลับมาลงสนามได้อย่างสมบูรณ์ในลีก คัพปี 2007 นัดที่พบกับลิเวอร์พูล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยลงมาเป็นตัวสำรองของ ธีโอ วัลคอตต์ วันที่ 9 มกราคม 2007 ต่อมาในนัดชิงชนะเลิศลีก คัพปี2007 เขาได้เข้าปะทะกับจอห์น เทอร์รี โดยที่เท้าของเขาได้ไปปะทะกับกรามของเทอร์รี จนทำให้เทอร์รีสลบคาสนาม จากนั้น เทอร์รีก็ถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันรุ่งขึ้นโดยไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บรุนแรง


ถดูกาล 2007-2008
เขาเริ่มต้นในฤดูกาลนี้ได้ค่อนข้างดี โดยได้ทำประตูในเกมพบกับดาร์บีเคาน์ตี โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนโทมาช โรซิตซ์กีที่บาดเจ็บ ซึ่งฤดูกาลนี้ เขามักจะถูกอาร์แซน เวนเกอร์จับไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายบ่อยครั้ง เพื่อปรับปรุงการใช้เท้าซ้าย ปรับปรุงมุมมองในการเล่นให้กว้างขึ้น และปรับปรุงการตัดสินใจในการเล่น ต่อมาในวันที่ 12 ธันวาคม 2007 เขาได้ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่เจอสเตอัวบูคาเรสต์ โดยทำประตูขึ้นนำให้อาร์เซนอลชนะไป 2-1 ในวันที่ 29 มีนาคม 2008 เขาได้รับใบแดงในนัดที่อาร์เซนอลเจอโบลตันวันเดอเรอร์ส หลังจากไปเข้าสกัดเกรตาร์ สไตน์สสัน กองหลังโบลตัน ในวันที่8 เมษายน 2008 เขาได้ทำประตูลูกที่สองในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในเกมพบกับลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ จากนั้นเขาก็บาดเจ็บอีกครั้ง


Abou Diaby - compilation 2010

มานูเอล อัลมูเนีย (manuel almunia)




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม มานูเอล ริเบโร อัลมูเนีย

วันเกิด 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1977 (อายุ 32 ปี)

สถานที่เกิด ปามโปลนา สเปน

ส่วนสูง 1.93 ม. (6 ฟุต 4 นิ้ว)

ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู

ข้อมูลสโมสร

สโมสรปัจจุบัน อาร์เซนอล

หมายเลข 24

สโมสรอาชีพ

ปี สโมสร ลงเล่น(ประตู)

1997–1999 โอซาซูนา B 44 (0)

1999–2000 โอซาซูนา B 0 (0)

1999–2000 FC Cartagena(ยืมตัว) 3 (0)

2000–2001 CE Sabadell 25 (0)

2001–2004 เซลตา บีโก 0 (0)

2001–2002 SD Eibar (ยืมตัว) 35 (0)

2002–2003 เรเครทติโว อูลเบา (ยืมตัว) 2 (0)

2003–2004 Albacete Balompié(ยืมตัว) 24 (0)

2004–2005 อาร์เซนอล 35 (0)


ประวัติ

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลเริ่มต้นขึ้น เมื่อกลุ่มคนงานของโรงงานผลิตอาวุธรอยัลอาร์เซนอลในแขวงวูลิช กรุงลอนดอน ก่อตั้งทีมฟุตบอลของตนเองขึ้นมาเมื่อปลายปี ค.ศ. 1886 ในชื่อ ไดอัล สแควร์ การแข่งขันแรกของทีมคือเกมที่สามารถเก็บชัยชนะเหนือทีมอีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส 6-0 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1886 หลังจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนชื่อเป็น รอยัลอาร์เซนอล และยังคงแข่งขันในเกมอุ่นเครื่องและรายการท้องถิ่นต่อไป จากนั้นได้ก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพแล้วหันมาใช้ชื่อ วูลิชอาร์เซนอลในปี 1891 สโมสรแห่งนี้ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรกในปี 1893 ในดิวิชั่น 2 จากนั้นในปี 1904 ก็ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ในทางภูมิศาสตร์นั้นจะเห็นว่าสโมสรแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวเกินไป ส่งผลกระทบให้จำนวนผู้ชมมีน้อยกว่าสโมสรอื่นจนกระทั่งทีมต้องประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนักจนนำไปสู่การยุบทีมในปี 1910 เมื่อเฮนรี นอร์ริสได้เข้ามาเทคโอเวอร์ นอร์ริสพยายามมองหาแนวทางที่จะย้ายที่ตั้งของสโมสรไปอยู่ที่อื่นจนกระทั่งในปี 1913 หลังจากที่ตกชั้นดิวิชั่น 1 มาอยู่ดิวิชั่น 2 เหมือนเดิมนั้น อาร์เซนอลก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อาร์เซนอลสเตเดียมในย่านไฮบิวรี่ บริเวณลอนดอนเหนือ ในปีต่อมา สโมสรได้ตัดสินใจตัดคำว่า "วูลิช" ออกจากชื่อสโมสรจนเหลือเพียง อาร์เซนอล เท่าที่เห็นในปัจจุบัน หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ลีกดิวิชั่น 1 ก็เพิ่มจำนวนทีมเป็น 22 ทีม อาร์เซนอลได้อันดับ 5 ของดิวิชั่น 2 ในปี 1919 แต่ถึงกระนั้นก็ได้รับเลือกให้กลับขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 อีกครั้งหนึ่งและอาร์เซนอลก็ไม่เคยถูกลดชั้นหรือตกชั้นเลยนับตั้งแต่นั้นมา

ในปี 1925 อาร์เซนอลได้ว่าจ้างให้เฮอร์เบิร์ต แชปแมนเป็นผู้จัดการทีม แชปแมนเคยพาสโมสรฟุตบอลฮัดเดอร์สฟิลด์ทาว์นคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 2 สมัยคือฤดูกาล 1923-24 และ 1924-25 ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมอาร์เซนอลนี้ และแชปแมนคือคนแรกที่พาอาร์เซนอลก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความสำเร็จยุคแรก เขาจัดการเปลี่ยนระบบการซ้อมและแทคติคใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งซื้อนักเตะระดับแนวหน้ามาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นอเล็กซ์ เจมส์และคลิฟฟ์ บานติน ทำให้อาร์เซนอลก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษได้ในช่วงทศวรรษที่ 1930 อาร์เซนอลคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของแชปแมน โดยสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ฤดูกาล 1929-30 และแชมป์ลีก 2 สมัยคือฤดูกาล 1930-31 และ 1932-33 นอกจากนั้น แชปแมนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟใต้ตินที่อยู่ในย่านนั้นคือ Gillespie Road เป็นสถานีรถไฟใต้ดิน "อาร์เซนอล" อันเป็นสถานีรถไฟใต้ดินเพียงแห่งเดียวที่ตั้งชื่อตามสโมสรฟุตบอลโดยเฉพาะ

น่าเสียดายที่แชปแมนเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคปอดบวมเมื่อต้นปี 1934 แต่หลังจากนั้น โจ ชอว์ และ จอร์จ อัลลิสัน ที่เข้ามารับตำแหน่งก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน พวกเขาพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีก 3 สมัย (ฤดูกาล 1933-34, 1934-35 และ 1937-38) และเอฟเอคัพ 1 สมัย (1935-36) อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอลก็เริ่มถดถอยลงเรื่อยๆในช่วงปลายทศวรรษเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 การแข่งขันฟุตบอลอาชีพทุกรายการในอังกฤษต้องยุติลง

หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ทอม วิทเทคเกอร์ ผู้สืบทอดตำแหน่งของอัลลิสันได้เข้ามาบริหารทีม อาร์เซนอลจึงกลับมาประสบความสำเร็จได้อีก 2 ครั้งคือฤดูกาล 1947-48 และ 1952-53 ที่ได้แชมป์ลีก และ 1949-50 ที่ได้แชมป์เอฟเอคัพ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น โชคก็เหมือนจะไม่เข้าข้างอาร์เซนอลเท่าไรนัก สโมสรไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักเตะชุดเดียวกับที่เคยอยู่ในทีมช่วงทศวรรษ 1930 ให้กลับเข้าสู่ทีมได้ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 และ 1960 นั้น อาร์เซนอลกลายเป็นทีมระดับธรรมดาๆที่ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลย แม้ แต่บิลลี ไรท์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษที่ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมนั้นก็ไม่สามารถนำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้เลยในช่วงปี 1962-1966 ที่เข้ามาคุมทีม

อาร์เซนอลเริ่มกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากได้ว่าจ้างให้เบอร์ตี้ มี นักกายภาพบำบัดให้มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1966 แบบไม่มีใครคาดคิด อาร์เซนอลสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศลีกคัพได้ 2 สมัยแต่ก็พลาดแชมป์ทั้งสองครั้ง แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์อินเตอร์ซิตี้แฟร์สคัพ ฤดูกาล 1969-70 ซึ่งเป็นถ้วยยุโรปใบแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ตามมาด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งแรก นั่นคือแชมป์ลีกและเอฟเอคัพในฤดูกาล 1970-71 แต่ในทศวรรษต่อมานั้น อาร์เซนอลทำได้แค่เพียงการเข้าไปใกล้ตำแหน่งแชมป์มากที่สุดแต่ก็แทบจะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย โดยได้รองแชมป์ลีกในฤดูกาล 1972-73 รองแชมป์เอฟเอคัพในฤดูกาล 1971-72, 1977-78 และ 1979–80 และยังพ่ายแพ้ในเกมยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพรอบชิงชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษอีกด้วย สโมสรประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวในช่วงนี้ก็คือการคว้าแชมป์เอฟเอคัพในฤดูกาล 1978-79 ได้ด้วยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 ในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญกันมากในเรื่องของความคลาสสิคของเกมนี้

การกลับเข้ามาสู่วงการฟุตบอลอีกครั้งของ จอร์จ แกรแฮม อดีตนักเตะในฐานะผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลในปี 1986 ทำให้สโมสรสามารถคว้าแชมป์ได้ 3 สมัย อาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีกคัพได้ในฤดูกาล 1986-87 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่แกรแฮมเข้ามาคุมทีม จากนั้นก็มาได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 1988-89 ด้วยการคว้าแชมป์จากประตูในนาทีสุดท้าของเกมที่พบกับลิเวอร์พูล จากนั้น อาร์เซนอลภายใต้การคุมทีมของแกรแฮมนั้นก็ได้แชมป์ลีกอีกในปี 1990-91 โดยแพ้ไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น และสามารถคว้าแชมป์ดับเบิลแชมป์เอฟเอคัพพร้อมกับลีกคัพได้ในฤดูกาล 1992-93 และถ้วยยุโรปใบที่ 2 คือยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพในฤดูกาล 1993-94 ได้ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของแกรแฮมก็กลายเป็นความเสื่อมเสียเมื่อมีการเปิดเผยว่าเขาได้รับเงินสินบนจาก Rune Hauge เอเยนต์ของนักเตะในการซื้อตัว จากนั้น แกรแฮมก็โดนไล่ออกในปี 1995 และ บรูซ ริออช ก็เข้ามารับตำแหน่งแทน ซึ่งได้คุมทีมอยู่เพียงฤดูกาลเดียวก่อนที่จะลาออกไปเนื่องจากขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร



ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรอยู่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และช่วงทศวรรษที่ 2000 เนื่องจาก อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1996 เวนเกอร์นำแทคติคใหม่ๆมาใช้ นำวิธีการซ้อมใหม่ๆเข้ามาและนำนักเตะต่างชาติที่สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้มาเสริมทีมจำนวนมาก อาร์เซนอลจึงสามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1997-98 ซึ่งเป็นแชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วย และได้ดับเบิลแชมป์ที่ 3 ในฤดูกาล 2001-02 นอกจากนั้น สโมสรยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าคัพได้ในฤดูกาล 1999-00 (แพ้จุดโทษให้กับกาลาตาซาราย แต่มาได้แชมป์เอฟเอคัพ ในฤดูกาล 2002-03 และ 2004-05 แชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2003-04 ซึ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยจนได้รับฉายาว่า "อาร์เซนอลผู้ไร้เทียมทาน" (The Invincibles) [8] และสามารถทำสถิติไม่แพ้ติดต่อกัน 49 นัดได้ในฤดูกาลต่อมา ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสูงสุดของประเทศอีกด้วย

อาร์เซนอลจบฤดูกาลด้วยอันดับ 1 หรืออันดับ 2 รวมทั้งสิ้น 8 ฤดูกาลจาก 11 ฤดูกาลที่อาร์แซน เวนเกอร์ก้าวเข้ามาคุมทีมๆนี้[9] อาร์เซนอลเป็นหนึ่งในสี่สโมสรเท่านั้นที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ก่อตั้งลีกสูงสุดนี้ขึ้นในปี 1993 (นอกจากอาร์เซนอลก็มีแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และเชลซี) แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้แม้แต่สมัยเดียวก็ตาม[10] เมื่อไม่นานมานี้ อาร์เซนอลยังไม่เคยตกรอบที่ต่ำกว่ารองก่อนรองชนะเลิศในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเลย โดยในฤดูกาล 2005-06 สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ซึ่งเป็นทีมแรกจากกรุงลอนดอนที่สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปได้ในรอบ 15 ปี แต่กลับแพ้ให้กับบาร์เซโลนา 2-1 อย่างน่าเสียดาย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 อาร์เซนอลก็ได้ยุติประวัติศาสตร์ 93 ปีที่ไฮบิวรีลง โดยการย้ายสนามเหย้ามาอยู่ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียมอันเป็นที่ตั้งของสโมสรในปัจจุบันนี้

เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 ในปลายปี ค.ศ. 1999 อาร์เซนอลได้รับการจัดลำดับจากสำนักข่าวบีบีซีให้เป็นทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดของอังกฤษในรอบ 100 ปี โดยพิจารณาจากสถิติ และปัจจัยต่าง ๆ โดยมี เอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล เป็นอันดับสอง และสาม ตามลำดับ



สโมสรพันธมิตรในเอเชีย

ในปี 2549 ทีมอาร์เซนอล ได้ร่วมกับ สโมสรฟุตบอล บีอีซี เทโรศาสน ก่อตั้งบริษัทธุรกิจด้านฟุตบอลขึ้นมา และนั่นคือเหตุผลที่ บีอีซี เทโรศาสน ใช้ชุดเหมือนกับทีมอาร์เซน่อล จนน่าแปลกใจ โดยจะเปิดร้านขายของที่ระลึกที่ เซ็นทรัลเวิลด์พลาซา ปลายปี 2549 และนอกจากนี้อาร์เซนอลยังมีการทำสัญญาร่วมกับทีมฮองอันห์ยาลายในเวียดนาม
สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล (Arsenal Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงทีมหนึ่ง ในฟุตบอลอังกฤษ โดยเป็นทีมจากย่านลอนดอนเหนือ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1886 ครองแชมป์ลีกสูงสุด 13 ครั้งและเอฟเอคัพ 10 สมัย มีสนามเหย้าปัจจุบันคือ เอมิเรตส์สเตเดียม โดยย้ายจากสนามเดิมอาร์เซนอลสเตเดียม ในย่านไฮบิวรี่ เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 สโมสรเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "The Gunners" หรือ "ไอ้ปืนใหญ่" ในภาษาไทย
สีประจำสโมสรคือสีแดง-ขาว ปัจจุบันอาร์เซนอลเป็นสโมสรหนึ่งในกลุ่มจี-14
อาร์เซนอลมีกลุ่มแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากทั่วโลก โดยมีคู่ปรับสำคัญหลายทีม ไม่ว่าจะเป็นคู่ปรับร่วมเมืองที่อยู่ไม่ไกลอย่างทอตแนมฮ็อตสเปอร์เมื่อใดที่ทั้งสองทีมมาเจอกันนั้นก็จะเป็นคราวที่สะกดคนดูทั้งลอนดอนเหนือไว้ที่สนามได้เลย อาร์เซนอลเป็นหนึ่งในสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในอังกฤษ (มีทรัพย์สินกว่า 600 ล้านปอนด์ในปี 2007)