ผลการแข่งขันนัดล่าสุด| Liverpool 0 - 2 Arsenal

Match Highlights

31′ [0 - 1] L. Podolski

68′ [0 - 2] S. Cazorla





Youtube.com

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ปืนแซงดับสโต๊ค3-1บี้เชลซีเหลือ3




"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล แซงกลับมาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 3-1 พร้อมกับทำแต้มไล่จี้จ่าฝูงเชลซีเหลือเพียงแค่ 3 คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ


สโต๊ค 1- 3 อาร์เซน่อล

อีกคู่ที่บริทานเนีย สโต๊คซึ่งกำลังร้อนแรงแพ้ไม่เป็นรวมทุกรายการ 12 เกมแล้วได้แอนดี้ วิลกินสันกับอับดูลาย ฟายพ้นโทษแบนกลับมา

ขณะที่อาร์เซน่อลใช้งานโซล แคมป์เบลล์ในลีกเป็นตัวจริงนัดแรก ทำให้มิกาแอล ซิลแวสตร์ต้องนั่งเป็นตัวสำรองร่วมกับเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวาที่หายเจ็บแล้ว

เจ้าถิ่นเปิดฉากลุยใส่ทีมปืนใหญ่ตั้งแต่ต้น และแค่นาทีที่ 8 ก็ได้ประตูขึ้นนำจากลูกทุ่มด้านขวาของรอรี่ ดีแล็ปอีกตามเคยโดยโรเบิร์ต ฮูธโดดโขกทะลักไปเสาไกลแล้วมีแดนนี่ พิวจ์โถมเข้าขวิดระยะสามหลาพาช่างปั้นหม้อสตาร์ตนำ 1-0

หลังเสียความบริสุทธิ์ ทีมเมืองหลวงก็เดินหน้าเต็มสูบ แต่สโต๊คเล่นกันได้อย่างแข็งแกร่งทำให้อาร์เซน่อลแทบไม่มีสิทธิ์คลำเป้าเลย ต้อนรอจนถึงนาทีที่ 26 กว่าที่เชส ฟาเบรกาสจะได้ซัดจากระยะ 25 หลา ทว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับโธมัส โซเรนเซ่นที่เซฟได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี นาทีที่ 32 เดอะ กันเนอร์สก็สอยตาข่ายคืนมาจนได้โดยฟาเบรกาสตักบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษไปให้นิคลาส เบนด์เนอร์โขกจากสิบหลาเอาชนะไรอัน ชอว์ครอสส์ส่งบอลย้อนศรหนีสุดเอื้อมของโซเรนเซ่นเสียบเสาเข้าไปเป็นสกอร์ 1-1 ของทีมเยือน

ถัดจากนั้น เกมก็ตกเป็นของทีมปืนโตเต็มตัว แต่สโต๊คช่วยกันยันได้อยู่ จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงเสมอกันไป 1-1

ครึ่งหลังอาร์เซน่อลเดินเกมรุกทันที และนาทีที่ 49 ฟาเบรกาสก็แทงบอลเข้าเขตโทษให้อาร่อน แรมซีย์ถูกฟายเบียดล้ม แต่สิงห์เชิ้ตดำมองว่าไม่สมควรเป็นลูกโทษของทีมปืนใหญ่

ถัดมาอีกนาทีเดียว กาแอล กลิชี่แบ็คซ้ายท๊อปกันก็ลากบอลขึ้นมากระหน่ำแถวริมเขตโทษ แต่โซเรนเซ่นตะปบได้

ผ่านมาถึงนาทีที่ 59 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้หาโอกาสพลิกยิงจากหน้าเขตโทษได้สวย แต่โซเรนเซ่นปัดพ้นกรอบประตูได้อย่างหวุดหวิดก่อนที่ช่างปั้นหม้อจะส่งแดนนี่ คอลลินส์ลงไปแทนฟาย

นาทีต่อมา อเล็กซ์ ซงมิดฟิลด์อาร์เซน่อลได้ใบเหลืองข้อหากีดขวางการลากลุยของดีแล็ป กระทั่งนาทีที่ 68 ชอว์ครอสส์ก็เข้าปั๊มแย่งบอลกับอาร่อน แรมซีย์เต็มๆแถวกลางสนามแล้วกองกลางปืนโตขาขวาหักงอชัดเจนถึงกับร้องลั่น ทำให้เกมต้องยุติยาวเพื่อให้แพทย์ลงมาเข้าฝึกชั่วคราวก่อนหามดาวเตะผู้โชคร้ายออกไป ขณะที่ดาวเตะเจ้าบ้านก็ได้ใบแดงถูกไล่ออกโดยเจ้าตัวเสียใจกับเพื่อนร่วมอาชีพ และช็อคไปกับภาพที่ปรากฏตรงหน้าชนิดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นเดียวกับผู้เล่นเจ้าถิ่นและทีมเยือนอีกหลายราย

หลังเกมกลับมาเริ่มกันใหม่ อาร์เซน่อลก็ส่งโทมัส โรซิชกี้ลงไปแทนแรมซีย์ กระทั่งนาทีที่ 75 ก็ปล่อยธีโอ วัลค็อตต์ลงไปแทนเอบูเอ้อีกรายหมายสยบสโต๊คที่เหลือกันแค่สิบคนให้ได้

ให้หลังอีกสองนาที ช่างปั้นหม้อก็เปลี่ยนดีน ไวท์เฮดออกส่งเลียม ลอว์เรนซ์ลงไปแทน และถึงนาทีที่80 ตุนกาย ซานลี่ก็ได้ลงสนามแทนริคาร์โด้ ฟูลเลอร์อีกคน

ถึงนาทีที่ 84 เดอะ กันเนอร์สส่งดา ซิลวาลงบู๊แทนซามีร์ นาสรี่เป็นตัวสำรองรายสุดท้าย และให้หลังสามนาทีซงก็ชิพบอลเข้าเขตโทษให้ดา ซิลวาปรี่เข้าซัดจากสิบหลา แต่ถูกคอลลินส์กับโซเรนเซ่นเข้ามาช่วยกันกดดันได้ดี บอลจึงออกนอกกรอบ

อย่างไรก็ดี นาทีที่ 90 ทีมปืนใหญ่ก็มาได้เฮเมื่อเบนด์เนอร์งัดบอลเข้าเขตโทษไปถูกมือพิวจ์ ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษ และฟาเบรกาสสังหารผ่านโซเรนเซ่นได้สำเร็จพาอาร์เซน่อลแซงนำ 2-1 โดยมีการทดเวลาบาดเจ็บเจ็ดนาที

ถึงตรงนี้ ทีมเยือนยังลุยต่อ และนาทีที่ 94 ก็มาได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายโดยเล่นสั้นก่อนจะป้ายคืนให้โรซิชกี้ซัดจากหน้าเขตโทษถูกโซเรนเซ่นปัดออกมา ดา ซิลวาจึงตามไปเก็บบอลแล้วตวัดมาหน้าประตูให้โธมัส แฟร์มาเล่นเข้าฮอสเผาขนเปลี่ยนสกอร์ให้อาคันตุกะคว้าชัย 3-1 ทำแต้มไล่หลังเชลซีทีมจ่าฝูงเหลือแค่สามแต้มเท่านั้น


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต๊ค : โธมัส โซเรนเซ่น, แอนดี้ วิลกินสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, อับดูลาย ฟาย (แดนนี่ คอลลินส์ น.60), โรเบิร์ต ฮูธ, รอรี่ ดีแล็ป, เกล็น วีแลน, ดีน ไวท์เฮด (เลียม ลอว์เรนซ์ น.77), แดนนี่ พิวจ์, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ (ตุนกาย ซานลี่ น.80), มามาดี้ ซิดิเบ้
สำรองไม่ได้ใช้ : อัสเมียร์ เบโกวิช, ซาลิฟ ดิเยา, เดฟ คิตสัน, เจมส์ บีทตี้
ใบเหลือง : -
ใบแดง : ไรอัน ชอว์ครอสส์

อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซานย่า, โซล แคมป์เบลล์, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ (ธีโอ วัลค็อตต์ น.75), อเล็กซ์ ซง, อารอน แรมซี่ย์ (โทมัส โรซิชกี้ น.69), เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี่ (เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา น.83), นิคลาส เบนท์เนอร์
สำรองไม่ได้ใช้ : ลูคัส ฟาเบียนสกี้, มิกาแอล ซิลแวสต์, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่, คาร์ลอส เวล่า
ใบเหลือง : อเล็กซ์ ซง

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน

กันเนอร์สสุดช็อก!แรมซีย์หักสยอง






อุบัติเหตุสยองในวงการลูกหนังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อขาของ อารอน แรมซี่ย์ มิดฟิลด์จอมลุย อาร์เซน่อล ถึงกับห้อยต่องแต่ง หลังโดน ไรอัน ชอว์ครอสส์ กองหลัง "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ เสียบใส่สุดน่าเกลียด คาดปิดเทอมยาวซีซั่นนี้ รวมถึงช่วงต้นฤดูกาลหน้าแน่นอน



อาร์เซน่อล สโมสรชั้นนำใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เผชิญข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อ อารอน แรมซี่ย์ กองกลางอนาคตไกล ได้รับบาดเจ็บขาหัก ระหว่างลงสนามในเกมชนะ สโต๊ค ซิตี้ ทีมแกร่งร่วมลีก 3-1 ที่สนาม บริทานเนีย สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ดาวรุ่งทีมชาติเวลส์ ล้มลงไปกองกับพื้น หลังปะทะกับ ไรอัน ชอว์ครอสส์ กัปตันทีม "ช่างปั้นหม้อ" อย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามในทันที ซึ่งเขาก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ พร้อมกับปาดน้ำตา จากการสกัดแบบไร้สติของตัวเอง

หลังจากที่มิดฟิลด์วัย 19 กะรัต ล้มลง นักเตะทั้ง 2 ฝ่ายต่างรีบกวักมือเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาทำการช่วยเหลือ โดยทีมแพทย์ได้ทำการขยับขาของเขาให้เข้าที่ ก่อนหามเปลขึ้นรถฉุกเฉิน ที่เข้ามารับถึงขอบสนาม บริทานเนีย สเตเดี้ยม ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

ทั้งนี้บรรดาพ่อค้าแข้ง "ไอ้ปืนใหญ่" ต่างหน้าซีด เอามือกุมหัวกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เนื่องจากพวกเขาเคยประสบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เมื่อ เอดูอาร์โด้ กองหน้าโครแอต ข้อเท้าหักพักนานร่วมปี หลังโชคร้ายระหว่างเกมกับ เบอร์มิงแฮม เมื่อ 2 ปีก่อน

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาร์เซน่อล 2 - 0 ซันเดอร์แลนด์





อาร์เซน่อล ยังเป็นทีมที่ตายยากเสมอสำหรับการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อล่าสุดพวกเขาเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ทันเวลาด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 จากการสังหารของ นิคลาส เบนท์เนอร์ และจุดโทษของ ฟาเบรกาส ช่วยให้ทีมกลับมามีลุ้นแชมป์เต็มตัว ด้วยการตามหลังจ่าฝูง เชลซี 6 แต้มและไล่หลังรองจ่าฝูง แมนฯ ยูฯ เหลือแค่ 2 แต้มเท่านั้น

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553
อาร์เซน่อล 2 - 0 ซันเดอร์แลนด์
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เริ่มเกมมา 4 นาที อาร์เซน่อลทักทายก่อน เชส ฟาเบรกาส วางยาวให้ ธีโอ วัลค็อตต์ วิ่งแซงกองหลังหลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่บอลหลุดเสาไกลออกไป

อาร์เซน่อลพลาดโอกาสทองนาที 16 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ แทงให้วัลค็อตต์วิ่งแซงกองหลังเข้าไปยิงมุมแคบ แต่ติดเซฟของ เคร็ก กอร์ดอน บอลกระดอนมาเข้าทาง นิคลาส เบนท์เนอร์ ยิงซ้ำก็ออกเสาไกลอีก

เจ้าถิ่นชวดโอกาสไปอีกนาที 18 เบนท์เนอร์ได้ยิงโล่งๆ บอลไปแฉลบกองหลังลอยไปชนคาน

ซันเดอร์แลนด์มีลุ้นครั้งแรกนาที 18 เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ ได้หลุดไปยิงผ่าน มานูเอล อัลมูเนีย แต่ก็โดนกองหลัง อาร์เซน่อลตามมาสกัดได้ทัน

เจ้าบ้านมาขึ้นนำนาที 26 เอบูเอ้กระชากบอลลุยเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะผ่านเข้ากลางให้เบนท์เนอร์ยิงที่เสาสองเข้าไปอาร์เซน่อลนำ 1-0

ทีมเยือนพลาดโอกาสทองนาที 39 คีแรน ริชาร์ดสัน แทงให้ เคนวิน โจนส์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงออกไปเหลือเชื่อ

ปลายครึ่งแรก อาร์เซน่อลยังบุกได้มากกว่า แต่ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรก อาร์เซน่อลนำ 1-0

เริ่มครึ่งหลังมาได้ห้านาที เชส ฟาเบรกาส ก็มีใบเหลืองติดตัวในจังหวะเข้าปะทะใส่ จอห์น เมนซาห์

ขยับมาในนาทีที่ 52 วัลค็อตต์ก็อาศัยความเร็วเลื้อยขึ้นทางขวาแล้วโยกหนี แอนทอน เฟอร์ดินานด์ ตัดเข้าเขตโทษไปซัดใส่เสาแรก แต่กอร์ดอนทิ้งตัวตะครุบได้ทัน

ถึงนาทีที่ 58 ริชาร์ดสันไปเข้าชาร์จอัลมูเนียที่ออกมาตะปบบอลได้แล้วช้าเกินไปเลยโดนจดชื่ออีกราย

เกมของปืนใหญ่ยังเหนือกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้ กระทั่งนาทีที่ 63 เมนซาห์ไปรวบฟาเบรกาสหน้าเขตโทษ แบล็กแคตส์จึงเสียฟรีคิกระยะ 23 หลา และเป็น โธมัส แฟร์มาเล่น ที่วิ่งเข้าปั่นถูกกอร์ดอนปัดทิ้งได้

ล่วงมาอีกสองนาที ทีมอีสานก็ทิ้งโอกาสเหมาะไปอีก คราวนี้เป็นเบนท์ที่ฉวยความผิดพลาดจากการโขกบอลแฉลบเข้าเขตโทษตัวเองของซิลแวสต์หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษได้ แต่สุดท้ายกองหน้าผิวสีซัดไปให้อัลมูเนียบล็อกได้สำเร็จ

จากนั้นในนาทีที่ 68 นาสรี่ก็ได้โอกาสตะบันในเขตโทษด้านขวา ทำเอากอร์ดอนต้องออกแรงทุบทิ้งอีกครั้ง เท่านั้นไม่พออีกอึดใจเดียวแม็คคาร์ทนี่ย์ก็พลาดอีกตามเคยกับการโขกบอลคืนให้กอร์ดอนสั้นไป จึงถูกวัลค็อตต์ปรี่เข้าฮอส ดีที่ว่านายทวารแมวดำยังถลันออกมาเซฟได้ทัน

และแล้วนาทีที่ 71 เมนซาห์ก็โดนจดชื่อจนได้โทษฐานเข้าเสียบฟาเบรกาสบริเวณกลางสนาม ก่อนที่อาร์เซน่อลจะเปลี่ยนนาสรี่ออกในอีกสองนาทีให้หลังโดยมี โทมัส โรซิชกี้ ถูกส่งลงมาแทน

ด้านทีมเยือนก็เปลี่ยนริชาร์ดสันออกในนาทีที่ 76 โดยเลือกใช้งาน เบาเดอไวน์ เซนเด้น แทน ขณะที่เจ้าบ้านส่ง บาการี่ ซาญ่า ลงไปแทนวัลค็อตต์ในนาทีที่ 78 พร้อมกับที่ซันเดอร์แลนด์ปล่อย เบนจานี่ เอ็มวารูวารี ลงไปแทนโจนส์อีกราย

กระนั้นช่วงที่เหลือทั้งสองฝ่ายไม่อาจคลำเป้ากันได้ จบเกมปืนใหญ่จึงคว้าชัยไปแค่ 1-0 แม้จะมีโอกาสเช็กบิลนับครั้งไม่ถ้วน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, มิกาแอล ซิลแวสต์, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่, ซามีร์ นาสรี่, อเล็กซ์ ซง, อารอน แรมซี่ย์, เชส ฟาเบรกาส, ธีโอ วัลค็อตต์, นิคลาส เบนท์เนอร์
สำรอง : ลูคัส ฟาเบียนสกี้, บาการี่ ซาญ่า, โซล แคมป์เบลล์, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่, เดนิลสัน, โทมัส โรซิชกี้, คาร์ลอส เวล่า

ซันเดอร์แลนด์ : เคร็ก กอร์ดอน, อลัน ฮัตตัน, จอห์น เมนซาห์, ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์, จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์, ลอริค กาน่า, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, คีแรน ริชาร์ดสัน, เคนวิน โจนส์, ดาร์เรน เบนท์
สำรอง : เทรเวอร์ คาร์สัน, ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, เปาโล ดา ซิลวา, แม็ทธิว คิลกัลลอน, สตีด มาลบร็องก์, เบนจามิน เอ็มวารูวารี

ผู้ตัดสิน : สตีฟ เบนเน็ตต์



ข้อมูลจาก www.siamsport.co.th, www.arsenal.in.th

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ปืนขาดเพียบแต่ยังมีเชสนำทัพบุกปอร์โต้





"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ต้องขาดผู้เล่นหลานคนในการบุกไปเยือน ปอร์โต้ ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก คืนนี้


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553
ปอร์โต้ (โปรตุเกส, 3) - อาร์เซน่อล (อังกฤษ, 3)


สนาม : เอสตาดิโอ โด ดราเกา




เชซูอัลโด้ แฟร์ไรร่า กุนซือ ปอร์โต้ ไม่น่าปรับทัพจากนัดก่อนที่บุกเสมอ ไลซอส 0-0 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ รูเบน มิกาเอล, เอร์เนสโต้ ฟาเรียส และ คริสเตียน โรดริเกซ ยังได้รับบาดเจ็บอยู่




ในราย ฮัลค์ ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลตัวเก่ง ถูกเรียกตัวกลับมาอยู่ในทีมอีกครั้ง หลังจากโดนแบนทุกรายการในโปรตุเกสตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพราะไปมีเรื่องในอุโมงค์หลังเกมที่พบกับ เบนฟิก้า แต่เกมนี้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง




ระบบการเล่น 4-3-3 เอลตัน ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน ฮอร์เก้ ฟูซิเล่, โรลันโด้, บรูโน่ อัลเวส, อัลวาโร่ เปไรร่า แดนกลางมี เฟร์นานโด เบลลุสชี่, แฟร์นันโด, โทมัส คอสต้า ส่วนสามประสานแดนหน้า ซิลเวสเตร้ วาเรล่า, ราดาเมล ฟัลเกา และ มาเรียโน่ กอนซาเลซ




ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ปืนใหญ่ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน วิลเลี่ยม กัลลาส ปราการหลังตัวเก่ง ที่มีอาการบาดเจ็บไม่ได้เดินทางไปด้วย อังเดร อาร์ชาวิน กองหน้าทีมชาติรัสเซีย ที่มีอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า มาจากเกมที่ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเจ้าตัวหวังว่าจะกลับมาฟิตทันเกมต่อไปที่จะเจอ ซันเดอร์แลนด์




แดนกลางจะไม่มี อเล็กซ์ ซง มิดฟิลด์แคเมอรูน ที่เจ็บเข่า แต่ก็หวังว่า เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา กองหน้าโครเอเชีย จะหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับคืนทีม หลังจากพลาดลงเล่นมาแล้ว 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา




แนวรับ โธมัส แฟร์มาเล่น เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติเบลเยี่ยม จะกัดฟันลงเล่นอีกนัด หลังจากบาดเจ็บมาจากเกมเสมอ แอสตัน วิลล่า 0-0 และก็กัดฟันลงเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในอีก 4 วันต่อมา รวมทั้งเกมที่เจอ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล หลังจากนั้นด้วย




ระบบการเล่น 4-4-2 มานูเอล อัลมูเนีย ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน บาการี่ ซานย่า, โซล แคมป์เบลล์, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่ แดนกลางมี โทมัส โรซิชกี้, เดนิลสัน, เชส ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี้ คู่หน้า ธีโอ วัลค็อตต์ เล่นกับ นิคลาส เบนท์เนอร์


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม


ปอร์โต้ : เอลตัน - ฮอร์เก้ ฟูซิเล่, โรลันโด้, บรูโน่ อัลเวส, อัลวาโร่ เปไรร่า - เฟร์นานโด เบลลุสชี่, แฟร์นันโด, โทมัส คอสต้า - ซิลเวสเตร้ วาเรล่า, ราดาเมล ฟัลเกา, มาเรียโน่ กอนซาเลซ




อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - บาการี่ ซานย่า, โซล แคมป์เบลล์, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่ - โทมัส โรซิชกี้, เดนิลสัน, เชส ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี้ - ธีโอ วัลค็อตต์, นิคลาส เบนท์เนอร์




ผู้ตัดสิน : มาร์ติน ฮันส์สัน (สวีเดน)



ปอร์โต้โชว์แกร่งไม่แพ้มา 12 นัดติด




ปอร์โต้ ทีมดังของลีกโปรตุเกส สร้างผลงานไม่แพ้ทีมใดมา 12 นัดติดต่อกันแล้ว หลังจากที่บุกเสมอ ไลซอส 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเกมล่าสุดก่อนที่พวกเขาจะรับมือ อาร์เซน่อล ในถ้วยใบใหญ่ของยุโรป




จากผลงานที่ผ่านมา ปอร์โต้ ไม่แพ้ทีมใดมาติดต่อกัน 12 นัดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงรั้งอันดับ 3 ของตารางอยู่ ตามหลังจ่าฝูง เบนฟิก้า อยู่ถึง 9 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด


เวนเกอร์กระตุ้นแนวรับปืนต้องเหนียวแน่น




อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กระตุ้นแนวรับของทีมต้องโชว์ฟอร์มให้แข็งแกร่ง และเล่นอย่างมีระเบียบวินัยในเกมนี้ หลังจากทำผลงานน่าผิดหวังในเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี แต่ก็เพิ่งกลับมาได้ในเกมที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0




"เรารู้ดีว่าเมื่อคุณไปเยือน ปอร์โต้ คุณต้องมีแนวรับที่แข็งแกร่ง ผมกลับมามั่นใจอีกครั้งในเกมวันพุธ บางทีปัจจัยสำคัญของเราอยู่ที่เกมที่เจอ ลิเวอร์พูล เรามีแนวรับที่แข็งแกร่งมากเป็นนัดแรกในรอบ 3 นัดที่พบกับทีมใหญ่ นั่นเป็นเรื่องสำคัญมากก่อนที่คุณจะออกไปเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก"




"ผมเชื่อว่าในนัดแรก ผลงานของแนวรับจะมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี เราตกเป็นฝ่ายตามหลังตั้งแต่ 20 นาทีแรก และนั่นก็ส่งผลมหาศาลต่อเกม"




"ดังนั้นเราจะต้องมีแนวรับที่มีระเบียบวินัย เราทำได้ในเกมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล และผมมั่นใจว่าเราจะยิงประตูได้ถ้าเราเล่นได้แบบนั้น"

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เชสก์มาแล้วปัดข่าวซบบาร์ซ่า




หลังจากปล่อยให้สื่อจากสเปนเล่นข่าวกันมันส์มือ ตอนนี้เชสก์ ฟาเบรกัสกัปตันทีมสุดหล่อของอาร์เซนอลก็ออกมาสยบข่าวลือที่ว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าในซัมเมอร์นี้ ก่อนบอกว่าอนาคตของเขาฝากฝังไว้กับอาร์เซนอลเท่านั้น

บาร์เซโลน่าได้ออกมาแถลงการณ์สยบข่าวลือเรื่องนี้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยบอกว่าพวกเขาให้ความเคารพกับอาร์เซนอลและจะไม่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการซื้อตัวเชสก์ ส่วนตัวเชสก์เองวันนี้ก็ได้ออกมาปฏิเสธเช่นกัน

"พวกเขา(บาร์เซโลน่า) ได้ออกมาปฏิเสธแล้ว และผมก็เช่นกัน"

"ผมเพียงแค่อยากมีสมาธิและมุ่งมั่นกับอาร์เซนอล"

"ผมคิดว่าสโมสรอาร์เซนอลอยู่เหนือทุกๆอย่าง ทุกๆผู้เล่นในหน้าประวัติศาสตร์ อยู่เหนือแฟนบอล และอยู่เหนือตัวผมด้วย"

"ผมคิดว่าพวกเราควรได้รับการให้เกียรติมากกว่านี้"

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดิยาบี้ฮีโร่!ปืนเด็ดปีกหงส์หวิว1-0




"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรังเฉือน ลิเวอร์พูลหวุดหวิด 1-0 อาบู ดิยาบี้ รับบทฮีโร่ โขกประตูชัย ศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล 1 - 0 ลิเวอร์พูล


สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม




ศึกบิ๊กแม็ตช์ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาร์เซน่อลเปลี่ยนผู้เล่นสองรายจากเกมพ่ายเชลซีโดยส่งนิคลาส เบนด์เนอร์ลงบู๊เป็นตัวจริงแทนธีโอ วัลค็อตต์ ขณะที่บาการี่ ซาญ่าเสียตำแหน่งให้กับเอ็มมานูเอล เอบูเอ้




ด้านลิเวอร์พูลปรับทัพแค่รายเดียวด้วยการใช้งานมาร์ติน สเคอร์เทลแทนโซติริออส คีร์เกียคอสเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์ที่เริ่มชดใช้โทษแบนสามนัดหลังโดนไล่ออกจากนัดพิชิตเอฟเวอร์ตัน




อาร์เซน่อลเป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อน และได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกในนาทีที่ 6 หลังจากมักซี่ โรดริเกซทำฟาวล์เอบูเอ้ทางกราบขวา เชส ฟาเบรกาสจึงตักลูกยาวเข้าเขตโทษ แต่วิลเลี่ยม กัลลาสโขกจาก 10 หลาโด่งออกไป




เจ้าบ้านยังคุมสถานการณ์เอาไว้ แต่เกมดำเนินไปอย่างจืดชืดโดยต่างก็กลัวจะเสียประตูก่อนจึงไม่กล้าทำเกมรุกกันอย่างบุ่มบ่าม




กระทั่งนาทีที่ 26 อังเดร อาร์ชาวินก็แทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้เบนด์เนอร์หลุดเดี่ยวไปเข่นระยะ 16หลา ทว่ากองหน้าร่างบึกซัลโวข้ามคานแบบไม่ได้เสียว




จากนั้นในนาทีที่ 30 หงส์แดงก็เกือบขึ้นนำจากลูกฟรีคิกแถวกลางสนามที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดบอมบ์เข้าเขตโทษแล้วมีจังหวะชุลมุนก่อนที่บอลจะมาตกใส่แทบเท้าให้มักซี่กระทุ้งจาก 16 หลากระทบสีข้างโธมัส แฟร์มาเล่นโด่งออกไป




ถัดจากนั้นอีกสี่นาที อาร์เซน่อลก็เปลี่ยนนาสรี่ที่เริ่มมีปัญหาบาดเจ็บออกโดยปล่อยโทมัส โรซิชกี้ลงไปแทน




ผ่านมาถึงนาทีที่ 40 กาแอล กลิชี่ก็โดนจดชื่อเมื่อเข้าสะกิดเจอร์ราร์ดจากด้านหลังให้ล้มคว่ำหลังถูกกระชากบอลหนี แต่นาทีถัดมามักซี่ไปยกเท้าสูงเฉี่ยวศีรษะเอบูเอ้อย่างน่าเสียวไส้ทำให้ปีกหงส์รับใบเหลืองเช่นกัน




ท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเริ่มขึ้นเกมรุก แต่ก็ไม่มีจังหวะเหมาะเหม็ง ครบ 45 นาทีทั้งคู่จึงเจ๊ากันไปอย่างหน่อมแน้มสิ้นดี 0-0




กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง 4 นาที เป็นหงส์แดง ที่มาลุ้นก่อนเมื่อกาแอล กลิชี่ โหม่งบอลพลาด ลูคัส เลว่า เลยหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดข้ามคานไป




จังหวะสวนกลับของลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่เจอร์ราร์ด แทงบอลให้ดาวิด เอ็นก็อก ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไแในเขตโทษ ทว่าจังหวะง้างยิงโดนกัลลาส มาแหย่บล็อกได้ทัน




อาร์เซน่อล เริ่มเร่งเครื่องแล้ว นาทีที่ 65 กองหลังทีมเยือนเคลียร์บอลมาหน้าเขตโทษเข้าทาง โทมัส โรซิคกี้ ตัวสำรองยิงเช็ดคานไป




หลังพยายามมานาน ในที่สุดอาร์เซน่อล ก็ได้ประตูออกนำสมใจ ในนาทีที่ 72 จากจังหวะที่โรซิคกี้ ได้บอลทางขวาของเขตโทษแล้วตักไปที่เสาสอง อาบู ดิยาบี้ ฉีกหนีกองหลังหงส์แดง มาโหม่งคนเดียวตุงตาข่าย




ลิเวอร์พูล ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เดินเกมบุกอย่างหนัก แต่เกือบจะเสียลูก 2 ในนาทีที่ 83 เมื่อฟาเบรกาส ตามมาเก็บตกจังหวะสกัดของกองหลังลิเวอร์พูล ด้วยการวอลเล่ย์ หลุดเสาแรกออกไป




ก่อนหมดเวลา 5 นาที หงส์แดง น่าจะตีเสมอ จากจังหวะลากบอลมาหน้าเขตโทษของไรอัล บาเบิล ตัวสำรอง แล้วยิงเต็มๆ ข้อ อัลมูเนีย ปัดชนคานออกหลังไป




จนแล้วจนรอดลิเวอร์พูล ก็ทวงคืนไม่ได้ จบเกมอาร์เซน่อล เชือดเอาชนะลิเวอร์พูล 1-0



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


อาร์เซน่อล: มานูเอล อัลมูเนีย - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โธมัส แฟร์มาเล่น, วิลเลี่ยม กัลลาส, กาแอล กลิชี่ - อาบู ดิยาบี้, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี่ - นิคลาส เบนท์เนอร์, อังเดร อาร์ชาวิน

สำรอง: ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู) - บาการี่ ซาญ่า, โทมัส โรซิคกี้, ธีโอ วัลค็อตต์, เนเวส เดนิลสัน, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่, โซล แคมป์เบลล์




ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า - เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน่ อินซัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลยว่า - มักซี่ โรดริเกซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม) - เดิร์ค เค้าท์, ดาวิด เอ็นก๊อก

สำรอง: ดีเอโก้ คาวาเลียรี่ (ผู้รักษาประตู) - ฟิลิปป์ เดเก้น, มาร์ติน เคลลี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, อัลเบิร์ต ริเอร่า, ไรอัน บาเบิ้ล, เจย์ สเปียริ่ง

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สิงห์ปึ๊กดร็อกคู่นิโก้,เชสนำทัพปืนลุย




"สิงห์บลู" เชลซี เตรียมทำศึกลอนดอนดาร์บี้ แมตช์กับ อาร์เซน่อล โดยเจ้าถิ่นจะส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หัวหอกจอมแกร่งจับคู่กับ นิโกล่าส์ อเนลก้า ด้านทีมเยือนจะได้ นิคลาส เบนท์เนอร์ กองหน้าชาวเดนมาร์ก หายเจ็บกลับมายืนเป็นศูนย์หน้าคู่กับ อังเดร อาร์ชาวิน


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
เชลซี (2) - อาร์เซน่อล (3)


สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์




คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม ยืนยันพร้อมส่ง จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมคนสำคัญ ลงเล่นบิ๊กแมตช์ในเกมนี้ แม้ว่าจะเผชิญมรสุมชีวิตจากกรณีแอบตีท้ายครัว เวย์น บริดจ์ จนล่าสุดถูก ฟาบิโอ คาเปลโล่ ปลดออกจากการเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษแล้ว




แดนกลางจะได้ จอห์น โอบี มิเกล กองกลางทีมชาติไนจีเรีย กลับมาจากการรับใช้ชาติในศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ แล้ว แต่ในราย มิชาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์ทีมชาติกาน่า บาดเจ็บเข่าตั้งแต่ตอนซ้อมก่อนศึก เนชั่นส์ คัพ จะเริ่ม ขณะที่ ชูเลียโน่ เบลเลตติ ก็ยังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บเข่าอยู่




แนวรับจะได้ แอชลี่ย์ โคล หายเจ็บข้อเท้ากลับมาแล้ว พร้อมลงเล่นตัวจริงในเกมนี้ ทำให้ ยูริ เซียร์คอฟ ต้องกลับไปนั่งสำรองตามเดิม ส่วนแนวรุก โจ โคล จะกลับมาเป็นตัวจริงแทนที่ เดโก้ ขณะที่คู่หน้ายังคงเป็น ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กับ นิโกล่าส์ อเนลก้า ที่จะเจอทีมเก่า




ระบบการเล่น 4-4-2 ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลางมี โจ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า คู่หน้า ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา จับคู่ นิโกล่าส์ อเนลก้า




ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ปืนใหญ่ ยังคงไม่มี เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ที่บาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า แต่ก็จะได้ อาบู ดิยาบี้ หายเจ็บน่องกลับมาแล้ว




ในราย โซล แคมป์เบลล์ ที่เจ็บโคนขาหนีบ จนพลาดเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะกลับมาอยู่ในทีมเกมนี้ แต่ในราย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ข้อเท้า), คีแรน กิ๊บบ์ส (เท้า) และ โยฮัน ฌูรู (เข่า) ยังบาดเจ็บทั้งหมด




เวนเกอร์ อาจปรับทัพจากเกมที่แพ้ ปีศาจแดง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย นิคลาส เบนท์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก พร้อมออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมนี้แล้ว




ระบบการเล่น 4-4-2 มานูเอล อัลมูเนีย ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ บาการี่ ซานย่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่ แดนกลางมี เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, โทมัส โรซิชกี้ คู่หน้า อังเดร อาร์ชาวิน ยืนคู่ นิคลาส เบนท์เนอร์


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - โจ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า




อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - บาการี่ ซานย่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, โธมัส แฟร์มาเล่น, กาแอล กลิชี่ - เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, โทมัส โรซิชกี้ - อังเดร อาร์ชาวิน, นิคลาส เบนท์เนอร์




ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน



พลิกปูม 15 นัดหลัง สิงห์บลูส์เหนือกว่า




ผลงานการพบกันในเกมลอนดอนดาร์บี้ระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซน่อล ปรากฏว่า เดอะ กันเนอร์ส เพิ่งเอาชนะ สิงโตน้ำเงินคราม ได้แค่ 2 นัดเท่านั้น จากการพบกัน 15 นัดหลังสุด




จากสถิติพบกัน 15 นัดหลัง เชลซี เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า เอาชนะได้ถึง 8 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ อาร์เซน่อล เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น




ขณะที่ผลงาน 4 นัดหลังสุดตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วมาจนถึงฤดูกาลนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจทีเดียว เพราะต่างฝ่ายต่างเอาชนะในการออกไปเป็นทีมเยือนทั้ง 4 นัด




โดยที่ อาร์เซน่อล บุกชนะก่อน 2-1 หลังจากนั้น เชลซี ก็บุกชนะรวดด้วยสกอร์ 2-1 ในเกมเอฟเอคัพ, 4-1 ในพรีเมียร์ลีก และ 3-0 ในลีกฤดูกาลนี้


คาร์เล็ตโต้หวังสิงห์บลูส์ถล่มปืนอีกครั้ง




คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีม เชลซี หวังว่าทีมของเขาจะมีผลการแข่งขันที่ดีอีกครั้ง หลังจากนัดแรกสามารถบุกไปเอาชนะได้ถึง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 3-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว โดยชี้ว่าทีมของเขาจะต้องหยุดแดนกลางของ อาร์เซน่อล ให้ได้อีกครั้ง




"เราจะทำให้ผลการแข่งขันออกมาเหมือนเดิม อาร์เซน่อล เองก็ต้องการเปลี่ยนเกม และต้องการเปลี่ยนผลงานของพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่เราเล่นได้เข้าที่เข้าทางแล้ว เราต้องการเล่นแบบเดิม เพราะเราสามารถเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้"




"ในเรื่องแท็กติก เราทำได้ดีมาก เพราะ อาร์เซน่อล เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพในแดนกลาง ยอดนักเตะของพวกเขาทำได้ดีในพื้นที่แคบๆ ทั้ง ฟาเบรกาส, อาร์ชาวิน, นาสรี่ ดังนั้นเราต้องไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เล่นง่ายๆ มันสำคัญมากที่จะต้องกดดันอย่างเต็มที่ในแดนกลาง ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้มีพื้นที่เล่น"


เวนเกอร์วอนแฟนปืนต้องเชื่อมั่นในทีม




อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เรียกร้องแฟนบอลปืนใหญ่ให้เชื่อมั่นทีมเอาไว้ หลังจากมีแฟนบอลบางกลุ่มเริ่มตั้งคำถามถึงการเชื่อมั่นดาวรุ่งมากเกินกว่าที่จะเสริมทัพด้วยสตาร์ดัง




"ผมไม่เข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ เพราะเราตามหลังจ่าฝูงแค่ 6 แต้ม เหลืออีกตั้ง 14 เกม เราอยู่ในสถานะที่ดี และเราก็เข้ารอบแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย"




"เรามีสถานะทางการเงินที่มั่นคงมาก เราเป็นทีมคนหนุ่มเมื่อเปรียบเทียบกับสโมสรอื่นๆ คุณสามารถมองในแง่ร้าย หรือมองในแง่ดีได้ทั้งคู่ แต่ถ้าคุณมาวิเคราะห์สถานการณ์นี้แบบจริงจังแล้ว มีหลายเหตุผลที่คุณต้องมองในแง่ดี"