เส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล ต้องยอมรับว่ายากมากเหลือเกินแล้วหลังจากเกมล่าสุด ออกไปนำ วีแกน ก่อนถึง 2-0 แต่กลับโดนทีเด็ดของเจ้าบ้านมาไล่ยิง 10 นาทีสุดท้ายของเกมพลิกแซงเอาชนะแบบช็อกแฟนบอล 3-2 ทำให้ ปืนใหญ่ ยังมีแต้มตามหลังจ่าฝูง เชลซี ถึง 6 คะแนนเหมือนเดิม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2553
วีแกน 3 - 2 อาร์เซน่อล
สนาม : ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม
เกมที่สนาม ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม เจ้าบ้าน วีแกน แอธเลติก รับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล โดยเกมนี้เจ้าบ้านจัดตัวผู้เล่นที่ดีทีสุดลงสนามพร้อมเพรียง ขณะที่ อาร์เซน่อล ที่ยังลุ้นแชมป์ลีกแบบห่างๆ จัด นิคลาส เบนท์เนอร์ เป็นหอกเป้า
เริ่มเกมขึ้นมาทีมเยือนดาหน้าบุกเข้าใส่ แต่เป็นเจ้าถิ่นที่ได้เสียวก่อน น.7 วีแกน ได้เตะมุมทางซ้าย เบน วัตสัน เปิดด้วยขวามาหน้าประตู บอลหลุดมาเสาสอง ฮูโก้ โรดาลเยก้า สอดขึ้นมาช้าไปก้าวเดียวทำให้เหยียดเท้าจิ้มบอลพลาดไป
ถัดมาสองนาทีเป็นโอกาสของ อาร์เซน่อล บ้างจากฟรีคิกหน้าเขตโทษทางขวา กาแอล กลิชี่ วิ่งเข้าอัดด้วยเท้าซ้ายเรียดลอดกำแพงแต่บอลพุ่งเข้าซอง คริส เคิร์กแลนด์ นายทวารเจ้าถิ่น จากนั้นสี่นาที นิคลาส เบนท์เนอร์ ได้สับไกด้วยขวาแต่ว่า เคิร์กแลนด์ ก็ยังไม่พลาดตะครุบติดมือ
น.24 อาร์เซน่อล ได้ฟาวล์ หลัง โมฮาเหม็ด ดิอาเม่ ไปดึง อาบู ดิยาบี้ ทางกราบขวาทำให้เจ้าตัวโดนใบเหลืองไปด้วยจากฟรีคิกเป็น ซามีร์ นาสรี่ เปิดโค้งมาหน้าปากประตูวีแกนให้ โซล แคมป์เบลล์ เทกขึ้นโหม่งหลุดเสาสองออกหลังไป
ผ่านมาครึ่งชั่วโมง ปืนใหญ่มีลุ้นอีกครั้ง คราวนี้ ธีโอ วัลค็อตต์ อาศัยสปีดที่เหนือกว่ากระชากหนี เมย์เนอร์ ฟิเกรัว เข้าเขตโทษทางขวา เจ้าตัวไม่ยิงพยายามปาดกลับมาหน้าปากประตู แต่ว่าไม่เข้าทางเพื่อนโดนกองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ออกมาได้ทัน
แต่แล้ว น.41 อาร์เซน่อล ที่ครองบอลบุกได้มากกว่าก็พังประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ ธีโอ วัลค็อตต์ สลัดหนีกองหลังเจ้าถิ่นหลุดเข้าเขตโทษไปจิ้มลอดตัว คริส เคิร์กแลนด์ ที่พยายามออกมาบล็อก บอลค่อยๆ ไหลเข้าซุกก้นตาข่ายให้ ปืนใหญ่ ออกนำ 1-0
ถัดมาอีกสองนาที ธีโอ วัลค็อตต์ เจ้าเก่าควบพาบอลหนีกองหลังวีแกนเข้ามาสับตรงมุมเขตโทษทางขวาด้วยเท้าขวาข้ามสามเหลี่ยมเสาไกลออกหลัง จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล บุกมานำ วีแกน อยู่ 1-0
เริ่มเกมครึ่งหลังได้เพียงแค่นาทีเศษทีมเยือนก็มาบวกประตูทีสองได้อย่างรวดเร็วเมื่อ นาสรี่ รับหน้าที่เปิดลูกเตะมุมธงด้านขวาเข้ากลางให้ ซิลแวสต์ เทกตัวโขกระยะ 12 หลาเสียบเสาสองให้ อาร์เซน่อล ทิ้งห่าง 2-0
หลังจากเสียประตูที่สองเจ้าบ้านดาหน้าบุกแหลกเกือบทวงประตูคืนได้สำเร็จเมื่อ เอ็นซอกเบีย ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายข้างถนัดไปเสาสองแต่ว่า ฟาเบียนสกี้ อ่านทางถูงล้มตัวไปรับได้สบาย
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง วีแกน เริ่มครองเกมได้มากขึ้นมีโอกาสพาบอลมาถึงหน้าปากประตูของ อาร์เซน่อล บ่อยครั้ง แต่ว่าจังหวะสุดท้ายยังขาดความเฉียบคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกยิงไกลของ เบน วัตสัน จากระยะร่วม 20 หลายังไปเข้ามือของ ฟาเบียนสกี้ อีกครั้ง
นาที 66 ฮูโก้ โรดาเยก้า เกือบมีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้เจ้าบ้านเมื่อเจ้าตัวเลี้ยงบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนตวัดยิงไปเสาสองแต่ว่าโดนไม่ดีบอลปลิ้นออกหลังอย่างน่าเสียดาย
นาที 72 เอ็นซอกเบีย โชว์ทักษะและความเร็วด้วยการเลี้ยงบอลตัดจากกราบขวาหลอกกองหลัง อาร์เซน่อล 3 คนมาหน้าปากประตูก่อนตัดสินใจยิงบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ยังตรงตัว ฟาเบียนสกี้ อีกครั้ง
นาที 80 แฟนบอล วีแกน ได้เฮกันลั่น เมื่อ วิกเตอร์ โมเสส ที่เปลี่ยนตัวลงมาได้บอลทางกราบซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนตวัดย้อนหลังมาตรงจุดโทษให้ วัตสัน วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ ให้ต้นสังกัดตีไข่แตกเป็น 1-2
นาที 88 วีแกน เกือบตีเสมอได้สำเร็จเมื่อ วีแกน ได้โขกเต็มหัวบอลกำลังจะเสียบเสาสองอยู่แล้ว ยังดีที่ นาสรี่ ยังเฝ้าเสาอยู่ช่วยสกัดออกมาได้ทันเวลา
แต่แล้วนาที 90 วีแกน มาประสบความสำเร็จในการตีเสมอจนได้เมื่อได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา เอ็นซอกเบีย เปิดเข้ากลาง ฟาเบียนสกี้ กระโดดรับบอลไม่ดีจังหวะลงมือไปโดนหัว บรัมเบิ้ล กระดอนเข้าประตูหน้าตาเฉยให้ วีแกน ตีเสมอสำเร็จ 2-2
เหตุการณ์ยังช็อกแฟนบอล อาร์เซน่อล อย่างต่อเนื่องเมื่อต่อมาอีกนาทีเดียว ชาร์ล เอ็กซอกเบีย โชว์ทักษะกระชากจากกราบขวาเข้ากลางหน้าปากประตูก่อนจะตวัดยิงเต็มแรงบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาสองสวยงามให้ วีแกน พลิกแซงไม่น่าเชื่อ 3-2 ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ลีกของ อาร์เซน่อล น่าจะหมดหวังแล้ว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์ - มาริโอ เมลคิอ็อต, สตีฟ โกฮูรี่, ไตตัส บรัมเบิ้ล, เมย์เนอร์ ฟิเกรัว - ฮูโก้ โรดาลเยก้า, โมฮาเหม็ด ดิอาเม่, เบน วัตสัน, เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์, ชาร์ล เอ็นซอกเบีย - มาร์เซโล่ โมเรโน่
อาร์เซน่อล : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - บาการี่ ซาญ่า, โซล แคมป์เบลล์, มิกาแอล ซิลแวสต์, กาแอล กลิชี่ - ธีโอ วัลค็อตต์, เคร็ก อีสต์มอนด์, อาบู ดิยาบี้, ซามีร์ นาสรี่ - โธมัส โรซิคกี้ - นิคลาส เบนท์เนอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น